Steve Jobs' Case Study
สรุปเคส สตีฟ จ๊อบส์ ตอนที่ 1
วันที่ 16 สิงหาคม 55
โทนี่ ซวง วิศวกรระดับอาวุโสของแอ๊ปเปิ้ล ได้เขียนจม.มาหาหลวงพ่อ ซึ่งหลวงพ่อได้ถามความเห็นนักเรียนว่า เราควรศึกษาเคสของ สตีฟ จ๊อบส์ หรือเปล่า
แต่ความในใจครูไม่ใหญ่อยากให้นักเรียนรู้ว่า case study นี่เป็นเรื่องของการศึกษากฎแห่งกรรมนะ ซึ่งเกี่ยวข้องกับทุกคนในโลก ไม่ว่าจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม ที่ต้องพิจารณาอยู่หลายเดือน เพราะเขามีชื่อเสียงระดับโลก ถ้าเขาไม่เข้าใจจะมีปัญหาหรือไม่ เราจะเอาอย่างไร คือคุณจ๊อบไม่ได้มาถามเอง
กราบนมัสการเจ้าอาวาสวัดธรรมกาย ผมโทนี่ เป็นวิศวกรระดับสูงของแอ๊ปเปิ้ล ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โลกได้อาลัยจากการจากไปของซีอีโอ ผู้มีชื่อเสียงในด้านการสร้างผลงานระดับโลก คือ คอมพิวเตอร์แมค ไอโฟน ไอแพ๊ด ไอพอด เมื่อถึงคราวเปิดตัวสินค้าใหม่ ผู้คนก็ปักหลักรอคิวซื้อ เพราะบุคคลคนหนึ่งที่ขับเคลื่อนให้เกิดขึ้น นั่นคือ "สตีฟ จ๊อบส์"
สตีฟ เกิดในสหรัฐ ในครอบครัวพ่อแม่บุญธรรม พอโตขึ้นเขาคิดว่า ไม่มีวิชาในมหาวิทยาลัยที่น่าสนใจสำหรับเขา ด้วยความที่คิดเป็นคนนอกกรอบ จึงออกจากมหาลัยมาตั้งบริษัทคอมพิวเตอร์แอ๊ปเปิ้ล ตลอดชีวิตของเขาพิสูจน์ฝีมือให้ประจักษ์ ที่ไม่ใช่สร้างนวัตกรรม แต่เขายังเป็นนักคิด นักศิลปะ นักพูดที่โดดเด่น คือทั้งศาสตร์และศิลป์
แต่ปี ๒๕๔๗ มารู้ตัวว่าเป็นมะเร็งตับอ่อน แต่เขาก็สู้ โดยไม่ปล่อยบริษัทให้ดำเนินไปแต่ลำพัง จนสิบเดือนที่แล้ว เขาก็จากโลกไปพร้อมด้วยตำแหน่งมหาเศรษฐีอันดับที่ 110 ด้วยการทิ้งเงิน $ 8,300 เอาไว้เบื้องหลัง
ท่านเจ้าอาวาสที่เคารพครับ สาเหตุที่ผมเขียนจม เพราะเขาเป็นชาวพุทธครับ ในสมัยเป็นหนุ่มเคยเดินทางไปอินเดีย และหันมานับถือพุทธจนตลอดชีวิต ยังเคยคิดบวชเป็นพระภิกษุ แต่ติดโครงการสร้างคอมฯ จึงพลาดโอกาส
คำถามข้อที่ 1 สตีฟ จ๊อบส์ ตายแล้วไปไหน เป็นอย่างไรบ้าง
ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ชีวิตหลังความตายนั้นมีอยู่จริงนะ ไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติ ศาสนา เผ่าพันธุ์ใด หรือจะเป็นเด็กวัยใด ณ มุมใดของโลก เมื่อละโลกไปแล้วก็ต้องไปเกิดในภพภูมิที่ดีหรือไม่ดี พูดง่าย ๆ ว่าตายแล้วไม่สูญ
สำหรับชีวิตหลังความตาย ใครจะได้ไปภพสุคติหรือทุคติ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับใคร แต่ขึ้นอยู่กับตัวเองทั้งสิ้น คือ ก่อนที่จะเสียชีวิต บุคคลนั้นมีใจที่ผ่องใส หรือเศร้าหมองขึ้นอยู่กับกำลังบุญหรือบาป ที่บุคคลนั้นได้ทำเอาไว้เมื่อยังเป็นมนุษย์ตามกฎแห่งกรรมซึ่งไม่ขึ้นกับความ เชื่อของศาสนาเผ่าพันธ์ใด เหมือนเอามือเปล่าจับไฟ หรือน้ำแข็ง จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ย่อมร้อนหรือเย็นเป็นธรรมดา บุคคลใดมีใจผ่องใสย่อมไปดี ถ้าเศร้าหมองย่อมไปทุคติ
สุคติแบ่งเป็นชั้น ๆ ตามความผ่องใสมากหรือน้อย เมื่อผ่องใสน้อย คือทำทั้งบุญและบาปสมัยที่ยังเป็นมนุษย์อยู่ เมื่อละโลกย่อมไปอยู่ในภพที่สุขสบายระดับเบื้องต้น เริ่มตั้งแต่ภุมมเทวา ที่มีที่อยู่อาศัยในภพภูมิมนุษย์ ไล่เรื่อยไปถึงจาตุมหาราชิกา ตรงป่าหิมพานต์ หรือรุกขเทวา เทวดาที่มีที่อยู่ในหรือบนต้นไม้ หรืออากาศเทวา ไปจนนาค ยักษ์ ฯลฯ
แต่ถ้าใจของบุคคลใดมีความผ่องใสมาก คือ เป็นคนที่มีพื้นฐานจิตใจดี ชอบทำความดี เกื้อกูลเพื่อนมนุษย์ และสั่งสมบุญต่าง ๆ เช่น ทาน ศีล ภาวนา เมื่อละจากโลก ก็จะไปอยู่ในภพที่สว่างไสว มีความสุขยิ่ง ๆ ขึ้นไปตั้งแต่ดาวดึงส์เป็นต้นไป
ส่วนคนที่มีใจเศร้าหมอง เพราะบาปได้มาห่อหุ้มใจ เช่น ดื่ม ลักทรัพย์ เจ้าชู้ เมื่อละจากโลก ก็จะไปสู่ทุคติ มีแต่ความมืดมิด เร่าร้อน หดหู่ น่าสะพรึงตัว เช่น ภพ เปรต อสุรกาย เป็นต้น
เมื่อทราบพื้นฐานความเป็นจริงของชีวิตแล้ว แล้วก็มาฟังฝันในฝันเรื่องราวของสตีฟ จ๊อปกัน
คำตอบ: สตีฟ จ๊อบส์ ก่อนที่จะเสียชีวิตนั้น ภายในใจของเขา ก็ยังมีความรู้สึกเป็นห่วงในเรื่องราวต่างๆ มากมายไม่ว่าจะครอบครัว ซึ่งอยากจะอยู่กับครอบครัวไม่พร้อมจะจากไป ห่วงบริษัทที่เขาภาคภูมิใจมาก ๆ ซึ่งยังมีโปรเจคต่าง ๆ อีกมากมายที่ยังไม่ได้ทำ และกังวลว่าบริษัทจะมีอนาคตต่อไปเป็นอย่างไร เป็นต้น สิ่งที่เขาคิดคำนึงกลายเป็นภาพในใจที่ทำให้เขาสบายใจก็มี ไม่สบายใจก็มี กังวลใจก็มี ภาพเหล่านั้นคือ ภาพที่ทำให้ใจใส และใจหมองนั่นเอง
แต่ที่กังวลลึก ๆ อยู่คือ เมื่อตัวเขาตายไป ชีวิตหลังความตายจะเป็นอย่างไร เหมือนอ.ญี่ปุ่นสอนไว้หรือเปล่า
ทั้งไม่แน่ใจ วิตกกังวล ผูกพันงาน เป็นความคิดวนเวียนตลอดเวลา ดังนั้นทำให้ขณะกำลังจากโลกนี้ไป ภาพความวิตก และทรงจำที่มีทั้งสุขทุกข์ปลื้มไม่ปลื้ม ปรากฏฉายอยู่ในใจของเขา ภาพเหล่านั้นทำให้ใจของเขาทั้งเศร้าหมอง ผ่องใสและทำให้ไม่เศร้าหมองและไม่ผ่องใส สลับปะปนกันไป สามประเภท ซึ่งภาพที่ทำให้เศร้าหมอง ขึ้โมโห หงุดหงิดง่าย โวยวายกับลูกน้องอยู่เป็นประจำเพราะผลงานไม่ได้ดังใจ ผิดสเป็คตลอด
ภาพที่ทำให้ใจเขาผ่องใส คือ ภาพที่เขาได้บริจาคสิ่งของกับองค์กรการกุศล และให้วิทยาทานกับนิสิต นักศึกษาตามโรงเรียน มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ส่วนภาพไม่เศร้าหมองและไม่ผ่องใส ภาพที่ทำงานหรืออยู่กับครอบครัวเป็นต้น
และด้วยความที่ใจเขามีทั้งเศร้าหมอง ผ่องใส และไม่เศร้าไม่ใส ปนเปกันไป กอปรกับเขาผูกพันกับหลายสิ่ง ไม่ว่าจะคนงาน โปรเจคต่าง ๆ ได้มาส่งผลรวมกับอัธยาศัยพื้นฐานของตัวเขา ซึ่งเป็นที่มีความรู้ ความสามารถทางด้านวิทยาศาสตร์และสุนทรีภาพทางศิลปะ คือชอบสิ่งที่สวยงาม เฉียบเนี๊ยบ ส่งผลทำให้หลังจากละโลกไปแล้ว สตีฟ จ๊อบส์ได้ไปบังเกิดเป็น ...
พระสุภัสร์พิมพ์
21.30 น.
สรุปเคส สตีฟ จ๊อบส์ ตอนที่ 1
วันที่ 16 สิงหาคม 55
โทนี่ ซวง วิศวกรระดับอาวุโสของแอ๊ปเปิ้ล ได้เขียนจม.มาหาหลวงพ่อ ซึ่งหลวงพ่อได้ถามความเห็นนักเรียนว่า เราควรศึกษาเคสของ สตีฟ จ๊อบส์ หรือเปล่า
แต่ความในใจครูไม่ใหญ่อยากให้นักเรียนรู้ว่า case study นี่เป็นเรื่องของการศึกษากฎแห่งกรรมนะ ซึ่งเกี่ยวข้องกับทุกคนในโลก ไม่ว่าจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม ที่ต้องพิจารณาอยู่หลายเดือน เพราะเขามีชื่อเสียงระดับโลก ถ้าเขาไม่เข้าใจจะมีปัญหาหรือไม่ เราจะเอาอย่างไร คือคุณจ๊อบไม่ได้มาถามเอง
กราบนมัสการเจ้าอาวาสวัดธรรมกาย ผมโทนี่ เป็นวิศวกรระดับสูงของแอ๊ปเปิ้ล ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โลกได้อาลัยจากการจากไปของซีอีโอ ผู้มีชื่อเสียงในด้านการสร้างผลงานระดับโลก คือ คอมพิวเตอร์แมค ไอโฟน ไอแพ๊ด ไอพอด เมื่อถึงคราวเปิดตัวสินค้าใหม่ ผู้คนก็ปักหลักรอคิวซื้อ เพราะบุคคลคนหนึ่งที่ขับเคลื่อนให้เกิดขึ้น นั่นคือ "สตีฟ จ๊อบส์"
สตีฟ เกิดในสหรัฐ ในครอบครัวพ่อแม่บุญธรรม พอโตขึ้นเขาคิดว่า ไม่มีวิชาในมหาวิทยาลัยที่น่าสนใจสำหรับเขา ด้วยความที่คิดเป็นคนนอกกรอบ จึงออกจากมหาลัยมาตั้งบริษัทคอมพิวเตอร์แอ๊ปเปิ้ล ตลอดชีวิตของเขาพิสูจน์ฝีมือให้ประจักษ์ ที่ไม่ใช่สร้างนวัตกรรม แต่เขายังเป็นนักคิด นักศิลปะ นักพูดที่โดดเด่น คือทั้งศาสตร์และศิลป์
แต่ปี ๒๕๔๗ มารู้ตัวว่าเป็นมะเร็งตับอ่อน แต่เขาก็สู้ โดยไม่ปล่อยบริษัทให้ดำเนินไปแต่ลำพัง จนสิบเดือนที่แล้ว เขาก็จากโลกไปพร้อมด้วยตำแหน่งมหาเศรษฐีอันดับที่ 110 ด้วยการทิ้งเงิน $ 8,300 เอาไว้เบื้องหลัง
ท่านเจ้าอาวาสที่เคารพครับ สาเหตุที่ผมเขียนจม เพราะเขาเป็นชาวพุทธครับ ในสมัยเป็นหนุ่มเคยเดินทางไปอินเดีย และหันมานับถือพุทธจนตลอดชีวิต ยังเคยคิดบวชเป็นพระภิกษุ แต่ติดโครงการสร้างคอมฯ จึงพลาดโอกาส
คำถามข้อที่ 1 สตีฟ จ๊อบส์ ตายแล้วไปไหน เป็นอย่างไรบ้าง
ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ชีวิตหลังความตายนั้นมีอยู่จริงนะ ไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติ ศาสนา เผ่าพันธุ์ใด หรือจะเป็นเด็กวัยใด ณ มุมใดของโลก เมื่อละโลกไปแล้วก็ต้องไปเกิดในภพภูมิที่ดีหรือไม่ดี พูดง่าย ๆ ว่าตายแล้วไม่สูญ
สำหรับชีวิตหลังความตาย ใครจะได้ไปภพสุคติหรือทุคติ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับใคร แต่ขึ้นอยู่กับตัวเองทั้งสิ้น คือ ก่อนที่จะเสียชีวิต บุคคลนั้นมีใจที่ผ่องใส หรือเศร้าหมองขึ้นอยู่กับกำลังบุญหรือบาป ที่บุคคลนั้นได้ทำเอาไว้เมื่อยังเป็นมนุษย์ตามกฎแห่งกรรมซึ่งไม่ขึ้นกับความ เชื่อของศาสนาเผ่าพันธ์ใด เหมือนเอามือเปล่าจับไฟ หรือน้ำแข็ง จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ย่อมร้อนหรือเย็นเป็นธรรมดา บุคคลใดมีใจผ่องใสย่อมไปดี ถ้าเศร้าหมองย่อมไปทุคติ
สุคติแบ่งเป็นชั้น ๆ ตามความผ่องใสมากหรือน้อย เมื่อผ่องใสน้อย คือทำทั้งบุญและบาปสมัยที่ยังเป็นมนุษย์อยู่ เมื่อละโลกย่อมไปอยู่ในภพที่สุขสบายระดับเบื้องต้น เริ่มตั้งแต่ภุมมเทวา ที่มีที่อยู่อาศัยในภพภูมิมนุษย์ ไล่เรื่อยไปถึงจาตุมหาราชิกา ตรงป่าหิมพานต์ หรือรุกขเทวา เทวดาที่มีที่อยู่ในหรือบนต้นไม้ หรืออากาศเทวา ไปจนนาค ยักษ์ ฯลฯ
แต่ถ้าใจของบุคคลใดมีความผ่องใสมาก คือ เป็นคนที่มีพื้นฐานจิตใจดี ชอบทำความดี เกื้อกูลเพื่อนมนุษย์ และสั่งสมบุญต่าง ๆ เช่น ทาน ศีล ภาวนา เมื่อละจากโลก ก็จะไปอยู่ในภพที่สว่างไสว มีความสุขยิ่ง ๆ ขึ้นไปตั้งแต่ดาวดึงส์เป็นต้นไป
ส่วนคนที่มีใจเศร้าหมอง เพราะบาปได้มาห่อหุ้มใจ เช่น ดื่ม ลักทรัพย์ เจ้าชู้ เมื่อละจากโลก ก็จะไปสู่ทุคติ มีแต่ความมืดมิด เร่าร้อน หดหู่ น่าสะพรึงตัว เช่น ภพ เปรต อสุรกาย เป็นต้น
เมื่อทราบพื้นฐานความเป็นจริงของชีวิตแล้ว แล้วก็มาฟังฝันในฝันเรื่องราวของสตีฟ จ๊อปกัน
คำตอบ: สตีฟ จ๊อบส์ ก่อนที่จะเสียชีวิตนั้น ภายในใจของเขา ก็ยังมีความรู้สึกเป็นห่วงในเรื่องราวต่างๆ มากมายไม่ว่าจะครอบครัว ซึ่งอยากจะอยู่กับครอบครัวไม่พร้อมจะจากไป ห่วงบริษัทที่เขาภาคภูมิใจมาก ๆ ซึ่งยังมีโปรเจคต่าง ๆ อีกมากมายที่ยังไม่ได้ทำ และกังวลว่าบริษัทจะมีอนาคตต่อไปเป็นอย่างไร เป็นต้น สิ่งที่เขาคิดคำนึงกลายเป็นภาพในใจที่ทำให้เขาสบายใจก็มี ไม่สบายใจก็มี กังวลใจก็มี ภาพเหล่านั้นคือ ภาพที่ทำให้ใจใส และใจหมองนั่นเอง
แต่ที่กังวลลึก ๆ อยู่คือ เมื่อตัวเขาตายไป ชีวิตหลังความตายจะเป็นอย่างไร เหมือนอ.ญี่ปุ่นสอนไว้หรือเปล่า
ทั้งไม่แน่ใจ วิตกกังวล ผูกพันงาน เป็นความคิดวนเวียนตลอดเวลา ดังนั้นทำให้ขณะกำลังจากโลกนี้ไป ภาพความวิตก และทรงจำที่มีทั้งสุขทุกข์ปลื้มไม่ปลื้ม ปรากฏฉายอยู่ในใจของเขา ภาพเหล่านั้นทำให้ใจของเขาทั้งเศร้าหมอง ผ่องใสและทำให้ไม่เศร้าหมองและไม่ผ่องใส สลับปะปนกันไป สามประเภท ซึ่งภาพที่ทำให้เศร้าหมอง ขึ้โมโห หงุดหงิดง่าย โวยวายกับลูกน้องอยู่เป็นประจำเพราะผลงานไม่ได้ดังใจ ผิดสเป็คตลอด
ภาพที่ทำให้ใจเขาผ่องใส คือ ภาพที่เขาได้บริจาคสิ่งของกับองค์กรการกุศล และให้วิทยาทานกับนิสิต นักศึกษาตามโรงเรียน มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ส่วนภาพไม่เศร้าหมองและไม่ผ่องใส ภาพที่ทำงานหรืออยู่กับครอบครัวเป็นต้น
และด้วยความที่ใจเขามีทั้งเศร้าหมอง ผ่องใส และไม่เศร้าไม่ใส ปนเปกันไป กอปรกับเขาผูกพันกับหลายสิ่ง ไม่ว่าจะคนงาน โปรเจคต่าง ๆ ได้มาส่งผลรวมกับอัธยาศัยพื้นฐานของตัวเขา ซึ่งเป็นที่มีความรู้ ความสามารถทางด้านวิทยาศาสตร์และสุนทรีภาพทางศิลปะ คือชอบสิ่งที่สวยงาม เฉียบเนี๊ยบ ส่งผลทำให้หลังจากละโลกไปแล้ว สตีฟ จ๊อบส์ได้ไปบังเกิดเป็น ...
พระสุภัสร์พิมพ์
21.30 น.
No comments:
Post a Comment