A Peaceful Mind

A Peaceful Mind
A Peaceful Mind

Monday, December 17, 2012

คำสอนคุณยาย: เราลืมดูตัวเอง (To correct yourself First)

Before correcting others, you have to correct yourself.

บางทีเราลืมดูตัวเองนะ เห็นข้อบกพร่องของเพื่อนแต่ไม่เห็นของตัวเอง ยายจึงสอนว่า สอนตัวเองได้ข้อไหนทำได้แก้ไขได้แล้ว ก็ไปสอนคนอื่นได้

(คำสอนคุณยาย)
Peace-Dhamma

พระรัตนตรัย: The Triple Gem

Taking Refuge in the Triple Gem 
(Buddha, Dhamma, Sangha)

"พระรัตนตรัย" เป็นทั้งที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุด

(dmc.tv)

Thursday, December 13, 2012

Your life is yours: Luang Phor Dhammajayo's Teachings

Your life is yours

"บาปแก้ได้ด้วยบุญ ใครจะช่วยล้างให้ไม่ได้ จะไถ่ถอนแทนก็ไม่ได้ จะต้องล้างเอง แก้เอง ไถ่เอง ด้วยการสั่งสมบุญ"

พระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย)

Peace Begins with You: Luang Phor Dhammajayo's Teachings

Peace Begins with You

ถ้าหากใจของเราขุ่นมัว จะคิด จะพูด จะทำสิ่งใด ก็จะก่อให้เกิดความผิดพลาดเสียหายได้ ซึ่งเป็นเหตุนำความทุกข์มาให้

แต่ถ้าหากเราทำใจให้บริสุทธิ์ ผ่องใส จะนึกคิด พูดหรือทำสิ่งใด จะสำเร็จสมปรารถนาโดยง่าย ความสุข และความสำเร็จจะเกิดขึ้น และติดตามเราไปเหมือนเงาตามตัว จะไปอยู่แห่งหนตำบลใด จะมีแต่ความสุขความเจริญ


พระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย)

Wednesday, December 12, 2012

To Improve Your Life : Khun Yai's Teaching




To Improve Your Life For The Better

เราต้องคิดให้ดีว่า "ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย"
ชาติสุดท้าย ที่เราจะมีโอกาสแก้ไขตัวเรา
ชาติสุดท้ายแล้ว จะต้องแก้ไขตัวเอง ให้ดีที่ส

ต้องสร้างบญให้มากๆ ให้บุญเป็นภูเขา
ถ้าจะสร้างบุญให้ได้มากๆ ก็ต้องนั่งธรรมะมากๆ
อธิษฐานมากๆ ล้อมคอกให้ดีด้วย


(คุณยายอาจารย์ มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง)

Saturday, December 1, 2012

The origin of suffering is attachment

The origin of suffering is attachment
การแบกที่หนักที่สุด คือ
การแบก “จิต” ที่ไม่รู้จัก

“ปล่อยวาง”

(ธรรมะ กับชีวิต)

Puja Khao Phra Wat Dhammakaya

 Puja Khao Phra:
The ceremony for 'offering sustenance to the Lord Buddha

บุญบูชาข้าวพระเป็นบุญใหญ่มากไม่จำเป็นไม่ควรขาด
(เฉพาะลูกพระธัมฯหลานหลวงปู่พันธ์ลื้อวัฎฎะเท่านั้น)

การบูชาข้าวพระเป็นบุญใหญ่มาก เพราะการที่จะได้ถวายเครื่องไทยธรรมเป็นพุทธบูชาแด่พระธรรมกายของพระพุทธเจ้านั้น เป็นสิ่งที่ทำได้ยากมาก แม้เราจะมีกุศลศรัทธาแค่ไหนก็ตาม มีเครื่องไทยธรรมพร้อม แต่ถ้าหากเราไม่เข้าใจหรือเข้าใจแต่ไป ไม่ถึง บุญที่เราได้นั้นก็ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย ไม่มากเหมือนอย่างที่เราได้เคยบูชาข้าวพระกันแบบทั่วๆไปโดยการจัดสำรับอาหารอย่างละเล็กละน้อยเป็นถาดเล็กๆ ไปวางไว้ที่หน้าโต๊ะหมู่บูชา ด้วยใจที่เลื่อมใสในพระผู้มีพระภาคเจ้า มีองค์พระปฏิมากร เป็นตัวแทนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วได้กล่าวคำถวา เป็นภาษาบาลีหรือภาษาไทย การทำอย่างนั้นก็ได้อย่างมาก ก็แค่ขอถึงพระพุทธเจ้าโดยมีพระปฏิมากรเป็นตัวแทน บูชาข้าวพระแบบขอถึงแบบนี้ก็มีอานิสงส์ อานิสงส์มากพอสมควรเพราะว่าใจเราเลื่อมใสในพระรัตนตรัย

แต่ก็ยังไม่มากเท่ากับการเข้าถึง เข้าถึงตัวจริงของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า การเป็นพระพุทธเจ้านั้นเค้าดูตรงที่การเป็นพระธรรมกาย อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อท่านได้เข้าถึงธรรมกาย เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับท่าน หมดกิเลสคือหลุดพ้นจากกิเลสอาสวะที่เข้าไปครอบงำ หลุดหมด โลภะ โทสะ โมหะ กิเลสต่างๆ บังคับท่านไม่ได้ เพราะว่าท่านละเอียดกว่า หลุดรอดออกไปได้เป็นธรรมกายอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า 20 วาขึ้นไปอย่างนั้น หน้าตัก 20 วาสูง 20 วาขึ้นไป ตรงนี้แหละถึงจะเป็นพระพุทธเจ้ากัน พระสมณโคดมพุทธเจ้าของเราพระองค์นี้ท่านเข้าถึงตรงนี้ พระพุทธเจ้าในกาลก่อนท่านก็เข้าถึงตรงนี้ พระธรรมกายที่มีอยู่แล้วในตัวนั่นแหละท่านเข้าถึงเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ที่ท่านตรัสเอาไว้น่ะ ธมฺมกาโย อหํ อิติปิ หมายถึง ตถาคตได้เข้าไปเป็นแล้วซึ่งธรรมกาย คือเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับธรรมกายแล้ว กายผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานแล้ว ผู้บริสุทธิ์ ผู้ที่หลุดพ้นที่กิเลสบังคับไม่ได้ เพราะกิเลสมันบังคับได้เฉพาะกายมนุษย์ ทิพย์ พรหม อรูปพรหม นี่บังคับได้หมด แต่พอถึงกายธรรมอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า 20 วาขึ้นไปนั้นบังคับไม่ได้ หลุดหมดทีเดียว เพราะว่าละเอียดกว่า กายธรรมนั้นละเอียดกว่า หลุดร่อนหมดจากกิเลสอาสวะ กิเลสนั้นดับไปเลย สิ้นเชื้อไม่เหลือเศษไปด้วยอรหัตมรรค แวบเดียวขาดเป็นอรหันตผลเลย กายธรรมผุดเกิดขึ้นมา

เมื่อท่านเป็นกายธรรมอย่างนี้ความเป็นพระพุทธเจ้าจึงบังเกิดขึ้น ดังนั้นกายธรรมที่ปรากฏอยู่ในอายตนนิพพานก็คือกายธรรมที่ท่านดับขันธปรินิพพานไปแล้ว คือกายถอดออกหมด กายมนุษย์ ทิพย์ พรหม อรูปพรหม ถอดหมดไปเลย เหลือแต่กายธรรมล้วนที่หลุดจากการบังคับบัญชาของเค้า เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าปรากฏเต็มในอายตนนิพพาน การถวายเครื่องไทยธรรมเป็นพุทธบูชาแด่พระธรรมกายของพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งพระองค์เดียวก็มีอานิสงส์ที่จะทำให้เรามีสมบัติ 3 ไปนับภพนับชาติไม่ถ้วน มากมายก่ายกองทีเดียว คือรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติมาก การสร้างบารมีของเราก็สะดวก แต่นี่เรามีโอกาสถวายเครื่องไทยธรรมซึ่งเป็นของละเอียดนี้แด่กายธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลายนับไม่ถ้วนทีเดียว เพราะฉะนั้นกระแสธารแห่งบุญที่เราจะได้รับกันในวันนี้เนี่ยจึงเป็นบุญที่ไม่อาจจะคำนวณได้ คือจะนับจะประมาณมิได้ทีเดียว จึงมักจะใช้คำว่าอสงไขยอัปมานัง คือมันนับกันไม่ได้ ไม่ทราบจะใช้กฎเกณฑ์ในการนับว่าได้บุญปริมาณเท่านั้นเท่านี้อย่างไร เพราะว่ากระแสธารแห่งบุญที่บังเกิดขึ้นเมื่อเราได้ถวายเครื่องไทยธรรมขาดออกจากใจ ไม่ติดใจในเครื่องไทยธรรม มีความเลื่อมใสในพระธรรมกายของพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วก็กลั่นเครื่องไทยธรรมนี้ให้ละเอียดไปถึงจนกระทั่งเท่ากับความละเอียดของท่าน กระแสธารแห่งบุญทุกพระองค์มาจรดที่ศูนย์กลางกายของเราหมด มันสว่างมากมาย มากกว่าดวงอาทิตย์ตอนเที่ยงวันหลายๆ ดวงทีเดียว

เพราะฉะนั้น จึงยากต่อการที่เราจะคำนวณกันได้เท่านั้นเท่านี้ แต่สมบัติทั้ง 3 ที่จะเกิดขึ้นเพื่อให้เราได้สร้างบารมี ไปทุกภพทุกชาติจนกระทั่งถึงที่สุดนั้น เราจะได้มากมายก่ายกองทีเดียว เนื่องจากว่าพวกเราทั้งหลายเป็นทีมนักสร้างบารมีพิเศษ ที่มีเป้าหมายจะไปถึงที่สุดแห่งธรรมเพื่อจะไปช่วยให้สรรพสัตว์ทั้งหลายหลุดพ้นจากกิเลส จากอาสวะ จากทุกข์ทั้งปวง เพราะฉะนั้นจะต้องมีบุญพิเศษเป็นบุญใหญ่ที่จะเป็นเครื่องสนับสนุนให้เราไปถึงที่สุดแห่งธรรมนั้นได้ เพราะฉะนั้นพระธรรมกายของพระพุทธเจ้าในอายตนนิพพานนับพระองค์
ไม่ถ้วน นิพพานในนิพพานนับกันไม่ถ้วนทีเดียวจึงได้ตรวจตรา ว่าบุญอย่างไหนเนี่ย จะทำให้พวกทีมพิเศษที่ตั้งเป้าหมายอันสูงสุดจะไปถึงที่สุดแห่งธรรมนั้น เค้าได้บุญกันเยอะๆ มากๆ ท่านก็ตรวจตราดูประชุมกันทีเดียวจะเอาบุญขนาดไหนที่จะให้ได้ขนาดนี้ถึงจะไปกันได้

ในที่สุดก็สอดละเอียดมาจรดผู้ต้นคิดคือ หลวงพ่อวัดปากน้ำ ท่านก็สั่งให้คุณยายทองสุก คุณยายจันทร์ ท่านค้นวิชชาขึ้นมา และในที่สุดคุณยายทองสุกท่านก็ค้นอันนี้ขึ้นมาพร้อมกับคุณยายจันทร์เมื่อท่านสอดละเอียดลงมาตรงกลางก็เห็นวิชชาว่าจะต้องบูชาข้าวพระ ทำเครื่องไทยธรรมอย่างนี้ แล้วก็น้อมไปถวายเป็นพุทธบูชาอย่างนี้ นี่แหละจะเป็นบุญใหญ่บุญหนึ่งทีเดียว ที่ใหญ่มากๆ มากพอที่จะส่งผลให้ไปถึงที่สุดแห่งธรรมกันได้ในระหว่างการสร้างบารมี เพราะการไปถึงที่สุดแห่งธรรมนั้นเป็นสิ่งที่ยากต่อการไปถึง จะมีสิ่งที่คอยกีดคอยขวางคอยกันกันอยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นจะต้องมีบุญมากมากพอที่จะเอาชนะอุปสรรคที่กีดขวางกันอันนั้นได้ถึงจะไปถึงตรงนั้นได้

ด้วยเหตุนี้ วิชชาการบูชาข้าวพระที่เข้าถึงตัวจริงของพระพุทธเจ้าจึงได้บังเกิดขึ้นมาเมื่อหลายสิบปีที่แล้วและได้ประกอบพิธีกรรมกันอยู่เงียบๆ แค่ 2 คนคือคุณยายทองสุกกับคุณยายจันทร์ของเรานี้เรื่อยมาจนกระทั่งมีผู้มีบุญในเส้นทางธรรมสายเดียวกันที่มุ่งไปถึงที่สุดแห่งธรรม ก็มาทีละคน สองคน เรื่อยมาจนกระทั่งบัดนี้ หลายสิบปีมาแล้ว

เพราะฉะนั้นบุญที่จะบังเกิดขึ้นนี้จึงยากที่จะคำนวณว่าได้ปริมาณเท่านั้นเท่านี้ นอกจากจะใช้คำว่าเป็นอสงไขยอัปมานัง คือได้กันอย่างนับกันไม่ถ้วน ถ้าเป็นความสว่าง ถ้าพูดกันด้วยภาพก็คือกระแสธารแห่งบุญจากพระธรรมกายของพระพุทธเจ้าในอายตนนิพพาน นับพระองค์ไม่ถ้วน ท่านก็มาจรดจากกลางกายท่านถึงกายของตัวเรา ดวงสว่างมาจรดกันทีเดียวที่กลางกายเหมือนน้ำหลายๆ สายไหลลงมาในภาชนะเดียวกัน จากห้วย จากหนอง จากคลอง จากบึง ไหลรวมกันมาที่ทะเลมหาสมุทร

ตัวของเราก็จะเป็นประดุจท้องทะเลมหาสมุทรเป็นที่รองรับบุญหรือรองรับน้ำจากห้วย หนอง คลอง บึงต่างๆ ไหลรวมกันมาอยู่ในที่เดียวกัน บุญจากพระนิพพานคือพระธรรมกายของพระพุทธเจ้านับพระองค์ไม่ถ้วนนั้น จากกลางกายของท่านถึงตัวเรา รวมหมดทีเดียวเพื่อให้ตัวของเรามีอานุภาพ อานุภาพที่จะเข้าถึงวิชชาธรรมกาย แทงตลอดในวิชชาธรรมกาย มีรูปสมบัติคือรูปกายที่ได้ลักษณะที่สวยงาม ลักษณะมหาบุรุษแข็งแรง อายุยืน
มีทรัพย์สมบัติมาก เอาไว้ใช้สร้างบารมีอย่างไม่รู้จักหมดสิ้น มีคุณสมบัติคือความฉลาด ความรอบรู้ต่างๆ สติปัญญา ไหวพริบปฏิภาณความเฉลียวฉลาด เพียบพร้อมที่จะไปถึงที่สุดแห่งธรรมได้

เพราะฉะนั้นหลวงพ่อมักจะย้ำอยู่เรื่อยๆ ว่าเดือนหนึ่งเรามีแค่เพียงครั้งเดียว อย่าขาดไม่ว่าเราจะเจ็บจะป่วยจะไข้อะไรก็แล้วแต่ อย่าขาด สมัยหลวงพ่อเริ่มสร้างบารมีใหม่ๆ นั้น เมื่อได้ทราบอานิสงส์จากที่คุณยายอาจารย์ท่านเล่าให้ฟังนี้ หลวงพ่อมี ความกระตือรือร้น มีความปลื้มปิติ นึกอยู่ในใจว่าเรานี้มีบุญมาก เป็นบุญลาภของเราที่เรามาได้ยินได้ฟังเรื่องนี้ ซึ่งเป็นเรื่องไม่มีใครเล่าให้ฟังมาก่อน เราได้มารู้ ได้มาเข้าถึง ได้มาเห็น ได้มาเข้าใจ ได้มีโอกาสมาสร้างบุญบูชาข้าวพระ ดีใจมาก จะนั่ง จะนอน ยืน เดินที่ไหนก็ตัวเบาๆ ลอยๆ มีความปลื้มในบุญลาภของตัวเอง ว่ามีโชค ได้มาเจอสิ่งนี้ และตั้งแต่นั้นมาก็ไม่ได้ขาดในการบูชาข้าวพระเลย ตั้งแต่ยังเป็นเด็กอยู่ ตั้งแต่อายุ 19 เรื่อยมาจนกระทั่งบัดนี้ เพราะมองเห็นว่าบุญนี้เป็นบุญใหญ่

เพราะฉะนั้น เราจะสังเกตได้ว่าแม้คุณยายจันทร์ คุณยายอาจารย์ของเรานั้น ท่านไม่เคยขาดเลยในการที่จะบูชาข้าวพระกันทุกเดือน สังเกตดูสิ
แม้คุณยายทองสุกผู้ค้นพบวิชชาคู่กับคุณยายอาจารย์นั้น ก่อนจะละโลกท่านก็ได้สั่งข้อความนี้เอาไว้กับคุณยายจันทร์ว่า อย่าลืมเวลาบูชาข้าวพระให้นำท่านมาบูชาข้าวพระด้วย ให้เอาบุญทิพย์ เอาบุญที่เกิดจากอาหารทิพย์เนี่ย บูชาข้าวพระเป็นอาหารทิพย์เนี่ยไปให้ท่าน เพราะว่าเป็นกายละเอียด มันทำไม่แรงเท่ากับที่ยังมีกายมนุษย์อยู่ ยังมีกายหยาบอยู่ ท่านจึงต้องสั่งความเอาไว้อย่างนั้นด้วย ก็แสดงว่าใจท่านนั้นผูกพันกับการบูชาข้าวพระอันนี้มาก

ดังนั้น ลูกๆ ทุกคนที่มาในวันนี้ทั้งภายในและต่างประเทศ ให้ได้รับทราบเอาไว้ว่าลูกทุกคนมีบุญมาก มีบุญลาภ มีโชคที่ได้ยินได้ฟัง ได้ปฏิบัติ เพราะฉะนั้นต่อจากนี้ไปอย่าได้ขาดกันเลยเพราะเรามีเวลาน้อยในโลกที่เราจะสั่งสมบุญเป็นเสบียงเครื่องสนับสนุนติดตัวไปในภพเบื้องหน้าจนกว่าจะถึงที่สุดแห่งธรรม เพราะฉะนั้นอย่าขาดถ้าไม่จำเป็นแต่ถ้าหากว่ามันติดภารกิจจริงๆ แล้วล๊ะก็ อย่างน้อยก็ต้องฝากหมู่ญาติ ฝากกัลยาณมิตรที่เค้าจะต้องมาบูชาข้าวพระเป็นสิ่งที่แทนตัวเรามา ในสมัยโน้นมีการบูชาข้าวพระกัน บางท่านก็ติดธุระอย่างเพื่อนหลวงพ่อเนี่ยะติดสอบ เค้าอยากได้บุญแต่เค้ามาไม่ได้ อยู่กันคนละคณะ เค้าก็ยังฝากปัจจัยมาร่วมบุญบูชาข้าวพระกัน ต่อมาเค้าก็มาถามคุณยายว่าแล้วผมจะได้บุญแค่ไหน ตัวผมไม่ได้มา แต่ฝากปัจจัยเครื่องไทยธรรมมา คุณยายท่านก็เข้าที่ค้นวิชชาไปดู ท่านบอกมันก็ไม่ได้เท่ากับที่ตัวเรามาอย่างน้อยก็ได้ครึ่งหนึ่ง แต่ดีที่สุดคือตัวเราควรจะมาด้วยนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยเริ่มสร้างบารมีบูชาข้าวพระกันมาเลยทีเดียว
คำสอนพ่อ

(Phra Sombat Summapalo)

Saturday, November 24, 2012

Hereafter: คุณลุงฉลอม มีแก้วน้อย ละโลกแล้วไปไหน ตอนที่ 1

'Hereafter' explores question of life after death

ทบทวนฝันในฝัน วันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ.2555
ปรโลกนิวส์ ของ คุณลุงฉลอม มีแก้วน้อย ตอนที่ 1

คุณลุงฉลอม มีแก้วน้อย ละโลกแล้วไปไหน ตอนที่ 1


ฝันในฝัน

หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมาหาว 1 ที

แล้วนำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรา

คำถามข้อที่ 1 ลุงฉลอมละโลกแล้วไปไหนเจ้าคะ


คำตอบ...หลังจากที่ลุงฉลอมได้เสียชีวิตไปแล้ว กายละเอียดของท่านก็ได้หลุดออกมายืนอยู่ข้างๆ กายหยาบ หรือร่างของท่านซึ่งนอนอยู่ที่โรงพยาบาล ด้วยความรู้สึกที่มึนๆ งงๆ และยังไม่รู้สึกตัวว่า “ตัวท่านเองได้เสียชีวิตไปแล้ว”


แต่พอเวลาผ่านไปได้สักครู่หนึ่ง ด้วยผลแห่งบุญที่ลุงฉลอมได้ตั้งใจทุ่มเทสั่งสมมาตลอดชีวิต โดยเฉพาะบุญที่ตัวท่านได้มีโอกาสอุปัฏฐากรับใช้พระเดชพระคุณหลวงปู่ พระผู้ปราบมาร ในสมัยที่ตัวท่านยังเป็นเด็ก, บุญที่ตัวท่านได้ถวายที่ดินสร้างอนุสรณ์สถานพระมงคลเทพมุนี หรือโลตัสแลนแดนเกิดด้วยรูปกายเนื้อของพระเดชพระคุณหลวงปู่ เป็นคนแรก และบุญที่ตัวท่านได้เป็นผู้ถ่ายทอดเรื่องราวยุคต้นวิชชาของพระเดชพระคุณหลวง ปู่พระผู้ปราบมาร ให้แก่มหาชนผู้มีบุญได้รับรู้และรับฟัง รวมไปถึงผลแห่งบุญทุกๆ บุญที่ตัวท่านได้ทุ่มเทสั่งสมร่วมกับหมู่คณะ เป็นต้น ก็ได้มาประมวลรวมกันที่ศูนย์กลางกายของกายละเอียดของท่าน จนเป็นผลทำให้กายละเอียดของท่านมีความผ่องใส สว่างไสว แล้วก็เริ่มมีสติรู้ตัวมากขึ้น



ทันทีที่กายละเอียดของลุงฉลอมมีสติรู้ตัวมากขึ้น กายละเอียดของท่านก็เริ่มรู้สึกแปลกใจที่ความรู้สึกเจ็บป่วยต่างๆ ที่เคยมีอยู่ มันได้หายไปเป็นปลิดทิ้ง และเมื่อกายละเอียดของลุงฉลอมมีความรู้สึกเช่นนี้ กายละเอียดของท่านจึงเริ่มหันมาสนใจสิ่งรอบข้างที่อยู่รอบๆ ตัวท่านมากขึ้น และในเสี้ยววินาทีนั้นเอง กายละเอียดของลุงฉลอมก็ได้มองเห็นกายหยาบหรือร่างของตัวท่าน กำลังนอนทอดร่างอย่างสงบนิ่ง ทันทีที่กายละเอียดของลุงฉลอมได้เห็นเช่นนั้น กายละเอียดของท่านจึงรู้สึกตัวได้ในทันทีว่า “ในตอนนี้ตัวท่านเองได้เสียชีวิตไปแล้ว"


ภายหลังจากที่กายละเอียดของลุงฉลอมทราบว่า ตัวท่านเองได้เสียชีวิตไปแล้ว กายละเอียดของท่านจึงเริ่มทำตามหลักวิชชาที่ได้ศึกษาเรียนรู้มาอย่างดี จากโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ด้วยการตรึกระลึกนึกถึงพระเดชพระคุณหลวงปู่ พระผู้ปราบมาร และพระเถระ รวมไปถึงบุญทุกๆ บุญที่ตัวท่านได้ตั้งใจทุ่มเทสั่งสมเอาไว้ ด้วยความรู้สึกที่ปลื้มปีติใจมาตลอดชีวิต ซึ่งก็คือบุญที่ท่านได้มีโอกาสอุปัฏฐากรับใช้พระเดชพระคุณหลวงปู่ในสมัยที่ ตัวท่านยังเป็นเด็ก, บุญที่ท่านได้ถวายที่ดินสร้างอนุสรณ์สถานพระมงคลเทพมุนี หรือโลตัสแลน แดนเกิดด้วยรูปกายเนื้อของพระเดชพระคุณหลวงปู่เป็นคนแรก และบุญที่ท่านได้เป็นผู้ถ่ายทอดเรื่องราวยุคต้นวิชชาของพระเดชพระคุณหลวงปู่ พระผู้ปราบมาร ให้แก่มหาชนผู้มีบุญได้รับรู้และรับฟัง รวมไปถึงผลแห่งบุญทุกๆ บุญที่ตัวท่านได้ทุ่มเทสั่งสมร่วมกับหมู่คณะ เป็นต้น


เมื่อกายละเอียดของลุงฉลอมตรึกระลึกนึกถึงมหาปูชนียาจารย์และบุญทุกๆ บุญได้เช่นนี้ บุญต่างๆ ที่ตัวท่านได้เคยตั้งใจทุ่มเทสั่งสมเอาไว้ ก็ยิ่งได้ช่องไหลมาจรดเชื่อมที่ศูนย์กลางกายของท่านอย่างต่อเนื่อง จนเป็นผลทำให้ทั้งกายและใจของท่านมีความผ่องใสและสว่างไสวอย่างที่สุด เมื่อใจของท่านอัดแน่นและเต็มเปี่ยมไปด้วยกระแสธารบุญอย่างสุดๆ แล้ว ทันใดนั้นเองสิ่งอัศจรรย์ก็พลันได้บังเกิดขึ้นกับตัวท่าน ซึ่งสิ่งอัศจรรย์ที่ว่านั้นก็คือกายละเอียดของท่านได้เกิดความสว่างเป็น อย่างมาก พร้อมกับแปรเปลี่ยนไปเป็น “กายของเทพบุตรสุดหล่อ” ในทันที


เมื่อกายละเอียดของลุงฉลอมได้แปรเปลี่ยนเป็นกายเทพบุตรสุดหล่อแล้ว ตัวท่านก็ได้เห็นขบวนของเหล่าบริวารและเทวรถที่สวยสดงดงาม มาจอดรอต้อนรับตัวท่านแบบถึงที่ และเมื่อท่านเทพบุตรใหม่ได้เห็นเช่นนั้น ตัวท่านก็เกิดความรู้สึกปลื้มปีติเบิกบานใจอย่างที่สุด นอกจากท่านเทพบุตรใหม่จะรู้สึกปลื้มปีติเบิกบานใจ กับเทวรถและขบวนของเหล่าบริวารอันเป็นทิพย์แล้ว ตัวท่านยังเกิดความรู้สึกอยากที่จะไปวัดพระธรรมกาย เพื่อตรึกระลึกนึกถึงบุญและทบทวนบุญทุกๆ บุญที่ตัวท่านได้ตั้งใจสั่งสมเอาไว้ในสมัยที่ยังมีชีวิตอยู่ และที่สำคัญที่สุดตัวท่านปรารถนาอยากที่จะมากราบลาพระเถระ ที่ตัวท่านเคารพรัก ก่อนที่ตัวท่านจะเดินทางกลับไปสู่เทวโลกอีกด้วย


เมื่อท่านเทพบุตรใหม่เกิดความรู้สึกเช่นนั้นแล้ว ตัวท่านจึงได้เดินแบบลอยๆ ขึ้นไปสู่เทวรถที่มารอรับตัวท่าน ด้วยหัวใจที่พองโตและเต็มเปี่ยมไปด้วยความปลื้มปีติเบิกบานในบุญอย่างที่สุด หลังจากที่ท่านเทพบุตรใหม่ได้ขึ้นไปนั่งอยู่บนรัตนบัลลังก์หลักกลางเทวรถ แล้ว ตัวท่านก็ไม่รอช้า ได้เคลื่อนเทวรถของท่านมุ่งตรงมาที่วัดพระธรรมกาย ซึ่งเป็นบุญสถานที่ตัวท่านได้เคยทุ่มเทสั่งสมบุญเอาไว้ในสมัยที่มีชีวิตอยู่ ในทันที


เมื่อท่านเทพบุตรใหม่ ได้เคลื่อนเทวรถมาถึงวัดพระธรรมกายแล้ว ตัวท่านก็ได้ลงจากเทวรถ แล้วก็เดินแบบลอยๆ ไปทั่วทั้งบุญสถาน เพื่อชื่นชมและดื่มด่ำกับบรรยากาศภายในบุญสถานแห่งนี้เป็นครั้งสุดท้าย โดยเฉพาะที่มหาวิหารพระมงคลเทพมุนี พระเดชพระคุณหลวงปู่พระผู้ปราบมารนั้น ท่านเทพบุตรใหม่ก็ได้มาเดินเวียนประทักษิณแบบลอยๆ รอบมหาวิหาร ด้วยความรู้สึกที่เคารพรักเทิดทูนบูชาพระเดชพระคุณหลวงปู่เป็นอย่างยิ่ง เมื่อท่านเทพบุตรใหม่ เดินเวียนประทักษิณรอบมหาวิหารพระมงคลเทพมุนีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตัวท่านก็ได้มาเวียนประทักษิณรอบมหาธรรมกายเจดีย์ เพื่อสักการะบูชาพระรัตนตรัยและนึกทบทวนบุญทุกๆ บุญ ที่ตัวท่านได้ตั้งใจทุ่มเทสั่งสมเอาไว้เป็นอย่างดีด้วยหัวใจที่พองโตอย่าง ที่สุด


หลังจากที่ท่านเทพบุตรใหม่ ได้เวียนประทักษิณรอบมหาธรรมกายเจดีย์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ท่านเทพบุตรใหม่ก็ได้ลอยตัวขึ้นสู่เทวรถ ซึ่งจอดรออยู่ที่บริเวณด้านหน้ามหาธรรมกายเจดีย์ เพื่อไปนั่งสมาธิ(Meditation)นึกถึงพระเดชพระคุณหลวงปู่ พระผู้ปราบมาร และนึกทบทวนบุญทุกๆ บุญที่ตัวท่านได้ทุ่มเทสั่งสมมาตลอดชีวิต เมื่อท่านเทพบุตรใหม่ได้นึกทบทวนบุญมากเข้า มากเข้า ความสุขและความปลื้มปีติในบุญ มันก็ได้เอ่อล้นและพรั่งพรูอยู่ภายในใจของท่านเทพบุตรใหม่อย่างไม่มีประมาณ


และในเสี้ยววินาทีแห่งความปลื้มปีตินี้เอง พระธรรมกายก็ได้เมตตามาปรากฏอยู่ต่อหน้าของท่านเทพบุตรใหม่ ทันทีที่ท่านเทพบุตรใหม่ได้เห็นพระธรรมกาย ท่านเทพบุตรใหม่ก็เกิดความรู้สึกอัศจรรย์ใจและปลื้มปีติใจอย่างที่สุด จากนั้นท่านเทพบุตรใหม่ก็ไม่รอช้าได้รีบลงจากรัตนบัลลังก์หลักกลางเทวรถ แล้วก็มานั่งคุกเข่าพนมมือ พร้อมกับก้มลงกราบพระธรรมกายด้วยความเคารพนอบน้อมในทันที


จากนั้น พระธรรมกายก็ได้เมตตาประทานโอวาทให้แก่ท่านเทพบุตรใหม่ ในทำนองที่ว่า “ขอให้ท่านเทพบุตรใหม่ตั้งใจนั่งสมาธิให้เห็นองค์พระที่ชัด ใส สว่างเสียก่อน เมื่อท่านเทพบุตรใหม่นั่งสมาธิได้ดีแล้ว จึงค่อยเดินทางกลับไปสู่เทวโลก” เมื่อท่านเทพบุตรใหม่ได้รับฟังโอวาทจากพระธรรมกายแล้ว ท่านเทพบุตรใหม่ก็รับปากกับพระธรรมกายว่า “ตัวท่านจะปฏิบัติตามโอวาทที่พระธรรมกายได้เมตตาประทานเอาไว้ทุกประการ” และก่อนที่พระธรรมกายจะจากไป ท่านเทพบุตรใหม่ก็ได้ก้มลงกราบพระธรรมกายด้วยหัวใจที่พองโตอีกครั้งหนึ่ง


หลังจากที่พระธรรมกายได้จากท่านเทพบุตรใหม่ไปแล้ว ท่านเทพบุตรใหม่ก็ได้ตั้งใจนั่งสมาธิอยู่บนเทวรถ ซึ่งจอดอยู่ที่บริเวณด้านหน้ามหาธรรมกายเจดีย์ ตามที่ตัวท่านได้รับปากกับพระธรรมกายเอาไว้ ซึ่ง ณ ช่วงเวลานั้น ท่านเทพบุตรใหม่ก็สามารถที่จะนึกถึงพระเดชพระคุณหลวงปู่ พระผู้ปราบมารได้ง่ายมาก ดังนั้นใจของท่านจึงกลับมารวมหยุดนิ่งและเกาะเกี่ยวอยู่กับพระเดชพระคุณหลวง ปู่ พระผู้ปราบมาร ที่อยู่ในกลางกายของท่านได้ตลอดเวลา และเมื่อถึงช่วงค่ำของวันแรกที่ลุงฉลอมได้เสียชีวิตลง ซึ่งตรงกับศุกร์ที่ 16 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ท่านเทพบุตรใหม่ก็ได้มากราบพระเถระที่โรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา จากนั้นท่านเทพบุตรใหม่ก็ได้แว้บกลับไปนั่งสมาธิต่อที่บริเวณด้านหน้ามหา ธรรมกายเจดีย์ ตามที่ตัวท่านได้รับปากกับพระธรรมกายเอาไว้


ซึ่งในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ท่านเทพบุตรใหม่หรือลุงฉลอม ก็จะทำกิจวัตรกิจกรรมหลักๆ อยู่แค่เพียง 3 อย่างเท่านั้น นั่นก็คือการนั่งธรรมะให้เห็นองค์พระที่ชัดใสสว่าง จากนั้นก็ไปร่วมงานบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมร่างหรือกายหยาบของท่าน และสุดท้ายก็คือการมากราบพระเถระนั่นเอง


ส่วนว่า คำถามข้อต่อไปจะมีรายละเอียดเป็นอย่างไรนั้น เราก็คงจะต้องมาติดตามกันต่อในตอนต่อไป


dmc.tv

เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา

Hard to be born as a human being

Hard to be born as a human being

The Buddha said it is the most difficult thing to be or to do. You all are born as human beings, having found dhamma, and having someone to teach you dhamma and guide you to the path of nibbana.

การเกิดเป็นมนุษย์เป็นของยาก


สมัยพุทธกาลพระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมอยู่ ณ วัดพระเชตวัน มีอุบาสก 5 คนเป็นเพื่อนกัน มานั่งฟังธรรม ทั้ง 5 คนต่างมีกิริยาอาการต่าง ๆ กัน


คนหนึ่งนั่งหลับ


คนหนึ่งนั่งเอานิ้วเขียนพื้นดินเล่น
คนหนึ่งนั่งเขย่า ต้นไม้
คนหนึ่งนั่งแหงนดูท้องฟ้า
มีเพียงคนเดียวที่นังฟังธรรมด้วย อาการสงบ

พระอานนท์กราบทูลถามพระพุทธเจ้าว่า "ทำไมอุบาสกเหล่านี้จึงแสดงกิริยาเช่นนั้น" พระพุทธเจ้าจึงทรงเล่าอดีตชาติของอุบาสกแต่ละคนว่า


อุบาสกที่นั่งหลับ เคยเกิดเป็นงูมาแล้วหลายร้อยชาติ เขาหลับมาหลายร้อยชาติแล้วก็ยังไม่อิ่ม แม้แต่ฟังเทศน์พระพุทธเจ้า ธรรมะก็ไม่เข้าหู ยังหลับอยู่อย่างนั้น


อุบาสกที่นั่งเอานิ้วเขียน พื้นดิน เคยเกิดเป็นไส้เดือนมาหลายร้อยชาติ นั่งเอานิ้วเขียนบนพื้นดินเล่นอยู่อย่างนั้น ด้วยอำนาจความประพฤติที่ตัวเคยทำมา ก็ไม่ได้ยินธรรมะของพระพุทธเจ้าเช่นกัน


อุบาสกที่นั่งเขย่าต้นไม้อยู่นั้น เกิดเป็นลิงมาแล้วหลายร้อยชาติ ถึงบัดนี้ก็ยังเขย่าต้นไม้อยู่ ไม่ได้ยินธรรมะของพระพุทธเจ้าเช่นกัน


อุบาสกที่นังแหงนดูท้องฟ้านั้น เคยเกิดเป็นพราหมณ์บอกฤกษ์ด้วยการดูดาวมาหลายร้อยชาติ ถึงบัดนี้ก็ยังคงนั่งดูท้องฟ้าอยู่ ไม่ได้ยินธรรมะของพระพุทธเจ้า


อุบาสกที่นั่งฟังธรรมอย่างสงบด้วยความเคารพ เคยเกิดเป็นพราหมณ์ศึกษาธรรมะและปรัชญา ค้นคว้าหาความจริงมาหลายร้อยชาติ มาบัดนี้ได้พบพระพุทธเจ้า ตั้งใจฟังธรรมด้วยดี จนได้ดวงตาเห็นธรรมเป็นพระโสดาบัน


อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะนึกสงสัยว่า ชาติก่อนเราเกิดเป็นอะไรหนอ


พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า การได้เกิดเป็นมนุษย์นั้นเป็นเรื่องยาก ต้องมีบุญมาก อุปมาเหมือนเต่าตาบอดตัวหนึ่งดำน้ำอยู่ในทะเล ทุกๆ 100 ปี เต่าตาบอดตัวนั้นจะโผล่หัวขึ้นมาจากทะเลครั้งหนึ่ง ในทะเลมีห่วงเล็กๆ ขนาดใหญ่กว่าหัวเต่าหน่อยหนึ่งลอยอยู่ 1 ห่วง โอกาสที่เต่าตาบอดตัวนั้นจะโผล่ขึ้นมา แล้วหัวสวมเข้ากับห่วงพอดียากเพียงใด โอกาสนั้นก็ยังมีมากกว่า การที่เหล่าสรรพสัตว์จะได้มาเกิดเป็นมนุษย์


ในฐานะมนุษย์ไม่มากก็น้อยที่ใจของเราได้มีประสบการณ์ในภพชาติอื่น ๆ ทั้งที่ต่ำกว่าและสูงกว่าภพมนุษย์ เรามีปัญญาที่จะรู้ได้จากประสบการณ์ของเราแล้วว่าอะไรดี อะไรไม่ดี


การเกิดเป็นมนุษย์ถ้าดีก็ดีได้มากๆ แต่ก็น่ากลัวเหมือนกัน เพราะถ้าประมาทก็ทำชั่วได้มาก ถ้าไม่ประมาท รักษาศีล 5 ทำความดี สร้างบารมี ตั้งใจพัฒนาชีวิตจิตใจแล้วก็สามารถมีประสบการณ์สูงขึ้น เป็นเทวดา พรหม ตลอดจนเข้าถึงอริยมรรค อริยผล บรรลุนิพพานได้ มนุษย์จึงเป็นชาติที่มีทางเลือก


พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า

เป็นการยากที่ได้เกิดเป็นมนุษย์
เป็นการยากที่ชีวิตสัตว์จะได้ อยู่สบาย
เป็นการยากที่จะได้ฟังธรรมของสัตบุรุษ
เป็นการยากที่พระ พุทธเจ้าจะอุบัติมา

เมื่อรู้เช่นนี้แล้วเราจึงควรเห็นคุณค่าของการเกิดเป็นมนุษย์ อย่าให้เสียโอกาส เสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์เอาใจใส่รักษาความเป็นมนุษย์ไว้ให้มั่นคง


ดังนั้นสำหรับการเกิดเป็นมนุษย์ในชาติหนึ่ง การเลือกทางดำเนินชีวิตของเราจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด


การอุบัติของพระพุทธเจ้ามีได้ยาก

การได้เกิดมาเป็นมนุษย์เป็นของยาก
การได้เกิดมาเป็นมนุษย์แล้วพบพระพุทธศาสนาเป็นเรื่องยากอย่างยิ่งกว่า


(DhammaWorld)


Buddha’s teachings


Being born once as human being and have a chance like this is very rare. There are millions of people in this world. But there is rare chance to be able to listen to dhamma and practice dhamma like this. The Buddha said it is the most difficult thing to be or to do. You all are born as human beings, having found dhamma, and having someone to teach you dhamma and guide you to the path of nibbana. It is the most difficult. Once the disciple asked the Buddha how difficult it was. He replied that it was incomparable. But he could give one example. In assumption, this whole land became gigantic ocean and at the bottom of the great ocean, there lived a blind turtle. Every one hundred year, it would rise to the surface and take a breath. Then people with a yoke whose size fitted perfectly with this turtle’s neck would try to throw this yoke into the ocean in hope that this yoke hung around the turtle’s neck perfectly when it resurfaced. It is when that yoke hangs around this turtle’s neck, then that is the chance to be born as human beings, finding and listening to dhamma like this. The Buddha then asked how difficult it was to have that yoke hung around this blind turtle’s neck. The disciples all replied that it was extremely difficult. Therefore, being born as human beings and let this opportunity pass is just useless. The second chance to return back again is even harder. You all, born as human beings, have a chance to listen to dhamma like this is the noblest. The merit (boon) you have made from listening to dhamma here today will be carried on within yourselves, in your minds for always. If you cannot achieve nibbana in this life, this merit will be one of the ten merits that will bring you back to human life again and have a chance to listen to dhamma again. So you all are very fortunate to have a chance to practice dhamma. Other merits the Buddha mentioned are Dana (giving), Sila (precepts), and Bhavana (meditation)


(easydhamma)

Suffering & Attachment

We can eliminate all suffering, by letting go of the attachments

จง "ปล่อยวาง"     ให้ลง
จง   "ปลง"     ให้เป็น
ความทุกข์ ที่เคยผ่าน   "ยากเย็น"
ก็จะกลายเป็นเรื่อง   "ง่ายดาย"

 
(Nui Noi & ธมลฐ์วนันท์ มุขมนตรี)

Saturday, November 17, 2012

“At Last You Win : ในที่สุดคุณก็ชนะ” Luang Phaw Dhammajayo

“At Last You Win : ในที่สุดคุณก็ชนะ”

คนส่วนมากมักกลัวอุปสรรค แต่น้อยคนนักที่อุปสรรคยังต้องกลัว…
ชีวิตคนเรานั้นเต็มไปด้วยการแข่งขัน
เป็นการแข่งขันเพื่อให้บรรลุเป้าหมายต่างๆ
ที่เราได้ตั้งใจเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่
หรือเป้าหมายเล็กๆ น้อยๆ ใกล้ตัว
เรียกได้ว่าเราต้องแข่งขันกับทั้งตนเอง
และผู้อื่นเกือบตลอดเวลาทั้งชีวิต

เส้นทางชีวิต จึงมีเส้นชัยรอให้เราก้าวผ่านอยู่เสมอๆ
และเส้นทางเดียวกันนี้เอง ที่มักจะลุ่มๆดอนๆ
มีสิ่งกีดขวางใหญ่บ้าง เล็กบ้าง คอยบั่นทอนแรงกายและแรงใจ
ไม่ให้เราไปถึงเส้นชัยโดยง่าย

การฝ่าฟันอุปสรรคเหล่านี้ จำเป็นต้องอาศัยทั้งกำลังกายและกำลังใจ
ซึ่งมีอยู่แล้วในตัวเราทุกคน

ตะวันธรรม


When the energy is used up, our gains will
vanish. This is also true for honour, fame and
happiness.
So why waste our time trying to correct the
others? Instead we should focus on improving
ourselves first. Once we can fix our own flaws
our lives will become much happier.


(Luang Phaw Dhammajayo)

พระมหาสมชาย ฐานวุฑฺโฒ if your thoughts are pure..

If the mind is pure, if your thoughts are pure, you will be free from all diseases primary.

ความอดทน เป็นสิ่งที่ดี

ไม่ตีโพยตีพาย เป็นสิ่งที่ดี
แต่ว่า "การเก็บกด" ไม่ดี


(พระมหาสมชาย ฐานวุฑฺโฒ)

Friday, November 9, 2012

Success is going from failure: เพียรพยายาม

Success is going from failure
Keep doing good 

without losing your enthusiasm

เพียรพยายามสิ่งใดอย่างไม่ลดละ
สิ่งนั้นต้องสำเร็จ ไม่ว่าทางโลก หรือทางธรรม

(หลวงปู่ท่อน ญานธโร)

LIFE IS NOT A DREAM: ปาฏิหารย์ คือ การเดินอยู่บนผืนดิน

LIFE IS NOT A DREAM
Happiness is nearer than you think
Make happiness a reality
"True Happiness Comes From Within"


ปาฏิหารยไม่ใช่การเดินบนน้ำ
หรือ บินอยู่บนอากาศ
แต่ปาฏิหารย์ คือ การเดินอยู่บนผืนดิน
และมีความสุขในทุกย่างก้าว


(ติช นัช ฮันท์)

Wednesday, November 7, 2012

Khun Yai's Teaching

Overcoming the Suffering of Life


Lotus & Buddha

"As the flower of a lotus,
Arisen in water, blossoms,
Pure-scented and pleasing the mind,
Yet is not drenched by the water,


In the same way, born in the world,


The Buddha abides in the world;
And like the lotus by water,
He does not get drenched by the world."
 
(Dhamma Center's photo)

 

Tuesday, November 6, 2012

Our True Purpose in Life: Luang Phor Dhammajayo

Our True Purpose in Life

"ถ้าชาตินี้เราอดทนสร้างบารมีจนกระทั่งถึงวาระสุดท้าย เราจะยิ้มอย่างผู้มีชัยชนะ เป็นยิ้มสุดท้ายที่สง่างามว่า เราได้ใช้ร่างกายนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เราจะจากกายนี้ไปด้วยความปีติเบิกบาน"
คุณครูไม่ใหญ่

Sunday, November 4, 2012

Create Your Own Life: Kathina Wat Phra Dhammakaya

Rejoice in your merit

สาธุกับการรื้อผังจน ในบุญมหากาลทาน กฐินธรรมชัย 

สร้างทุกสิ่ง



Friday, October 26, 2012

Khun Yai's Teaching: Think Only Good Things


Think Only Good Things

เรื่องไม่ดี ยายไม่เคยคิด
วันนี้ มีคนมาถามยายว่า
ทุกวันนี้ ยายมีทุกข์บ้างไหม ?
ยายตอบว่า “ไม่มี”
เพราะยายคิดแต่เรื่องดี ๆ มาตลอด
เรื่องไม่ดี ยายไม่เคยคิดถึงเลย...
พอนั่งธรรมะ ก็ทิ้งทุกอย่าง
ดิ่งธรรมะอย่างเดียว จึงมีแต่ความสุข

คำสอนคุณยาย

Thursday, October 25, 2012

Luang Phor Dhammajayo's Teaching: To Understand & Overcome Suffering

To Understand & Overcome Suffering
ไม่ขยายความทุกข์

เราจะเห็นได้ว่า ความทุกข์อยู่กับเราเพียงชั่วคราว
ถ้าเราเข้าใจ ไม่ขยายความทุกข์ ทำเป็นลืม ๆ

เหมือนไม่เคยเจอความทุกข์ หยุดใจนิ่ง ๆ ไปก่อน
แม้ยังรุกไปข้างหน้าไม่ได้ ก็ให้รักษาที่มั่นเอาไว้
รักษาที่มั่นของใจให้มั่นคง

คำสอนพ่อ

Luang Phor Dhammajayo's Teaching: Your time is limited

Your time is limited
ที่เกิดมาสร้างบารมีในโลกนี้
ก็มีเวลาจำกัดของการสร้างบารมี
และความตายก็ไม่มีนิมิตหมาย
เราจะละจากโลกนี้ไปเมื่อใดเราไม่ทราบเลย

เพราะฉะนั้นในระหว่างที่เรายังมีชีวิตอยู่
เราก็จะต้องทำชีวิตของเรา
ให้ได้ประโยชน์อันสูงสุดของการมาเกิดเป็นมนุษย์

(คำสอนหลวงพ่อ)

Friday, October 5, 2012

The utmost level of Dhamma

The Goal
To achieve the utmost level of Dhamma Only

เป้าหมาย คือ ที่สุดแห่งธรรม

Thursday, September 27, 2012

Luang Phor Dhammajayo: Suffering is due to attachment.

True happiness within you:
Suffering is due to attachment. Attachment can be overcome by certain spiritual techniques and knowledge.


ไม่เจอความสุขสักที

สรรพสัตว์สรรพสิ่งทั้งหลายไม่เที่ยง คือ มันไม่คงที่ มีการเปลี่ยนแปลง ไปสู่จุดสลายอยู่ตลอดเวลา ทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ เพราะไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง คือ ไม่มีสาระแก่นสาร ไปยึดมั่นถือมั่น ไปผูกพันแล้วมันเป็นทุกข์ ไปยึดกับของที่มันผุ ๆ พัง ๆ ไปสู่จุดสลาย นี่มันทุกข์นะ แต่เรามักมองข้ามไป เพราะไม่กล้าเผชิญความจริงของสรรพสัตว์และสรรพสิ่งทั้งหลาย จึงไม่เจอความสุขสักที


พระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย)
10 เมษายน 2551
(คำสอน มหาปูชนียาจารย์)

Good Deeds

Did You Do Good Deeds Today?
 
วันนี้ทำ "ความดี" หรือยังจ๊ะ?

The Truth of Life

The Truth of Life

 

ยศและลาภ หาบไป ไม่ได้แน่...
มีเพียงแต่ ต้นทุน บุญกุศล
ทรัพย์สมบัติ ทิ้งไว้ ให้ปวงชน
แม้ร่างตน เขาก็เอา ไปเผาไฟ

เมื่อเจ้ามา มีอะไร มาด้วยเจ้า
เจ้าจะเอา แต่สุข สนุกไฉน
เจ้ามามือเปล่า เจ้าจะ เอาอะไรไป
เจ้าก็ไป มือเปล่า เหมือนเจ้ามา

(วัดป่าสักใต้ เชียงราย)
อั๊ยยะ's photo.

Luang Phor Dhammajayo: To Take Refuge in Yourself

To be yourself: to take refuge in yourself.

อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ

นอกจากเราต้องช่วยตัวของเราเอง จะรักกันปานจะกลืนกินแค่ไหน ถึงเวลาต่างก็แยกย้ายกันไป ช่วยกันไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม แม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ก็ได้แค่เพียงแนะนำ

ส่วนการกระทำ เราต้องทำเอง จึงจะหลุดพ้นได้จะมาไถ่
บาปแทน ล้างบาปแทน หรือเอาบาปไปขว้างทิ้งน้ำ 
ไม่ได้ต้องทำเอง

ลุยเองอยากมีชีวิตอยู่ได้ ต้องหายใจเอง

อยากจะเห็น ต้องดูเอง
อยากจะได้ยิน ต้องฟังเอง
อยากจะรู้อะไรอร่อย หรือไม่อร่อยก็ ต้องกินเอง

เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรที่ไม่เองเลย มันต้องเองทั้งนั้น


เองก็คืออตฺตาหิfอตฺตโนนาโถ

ต้องช่วยตัวของเราเองมันถึงจะพ้นได้


พระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย )
จากหนังสือ บางสิ่งที่แสวงหา หน้า ๔
(คำสอน มหาปูชนียาจารย์)

ANGER & RESENTMENT

ANGER & RESENTMENT

“Those who are free of resentful thoughts surely find peace.”
(Buddha)

Wednesday, September 26, 2012

Dhammakaya: True Happiness

True happiness within you:
Suffering is due to attachment. Attachment can be overcome by certain spiritual techniques and knowledge.


ไม่เจอความสุขสักที

สรรพสัตว์สรรพสิ่งทั้งหลายไม่เที่ยง คือ มันไม่คงที่ มีการเปลี่ยนแปลง ไปสู่จุดสลายอยู่ตลอดเวลา ทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ เพราะไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง คือ ไม่มีสาระแก่นสาร ไปยึดมั่นถือมั่น ไปผูกพันแล้วมันเป็นทุกข์ ไปยึดกับของที่มันผุ ๆ พัง ๆ ไปสู่จุดสลาย นี่มันทุกข์นะ แต่เรามักมองข้ามไป เพราะไม่กล้าเผชิญความจริงของสรรพสัตว์และสรรพสิ่งทั้งหลาย จึงไม่เจอความสุขสักที

พระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย)
10 เมษายน 2551
(คำสอน มหาปูชนียาจารย์)

Tuesday, September 11, 2012

Buddha's Teachings

Buddha's Teachings



THE THREE UNIVERSAL TRUTHS
1. Nothing is lost in the universe
2. Everything Changes
3. Law of Cause and Effect ( It is known as karma)


The Four Noble Truths
1. There is Suffering Suffering is common to all.
2. Cause of Suffering We are the cause of our suffering.
3. End of Suffering Stop doing what causes suffering.
4. Path to end Suffering Everyone can be enlightened.


THE NOBLE EIGHTFOLD PATH
1. Right View. The right way to think about life is to see the world through the eyes of the Buddha--with wisdom and compassion.

2. Right Thought. We are what we think. Clear and kind thoughts build good, strong characters.


3. Right Speech. By speaking kind and helpful words, we are respected and trusted by everyone.


4. Right Conduct. No matter what we say, others know us from the way we behave. Before we criticize others, we should first see what we do ourselves.


5. Right Livelihood. This means choosing a job that does not hurt others. The Buddha said, "Do not earn your living by harming others. Do not seek happiness by making others unhappy."


6. Right Effort. A worthwhile life means doing our best at all times and having good will toward others. This also means not wasting effort on things that harm ourselves and others.


7. Right Mindfulness. This means being aware of our thoughts, words, and deeds.


8. Right Concentration. Focus on one thought or object at a time. By doing this, we can be quiet and attain true peace of mind.

Tuesday, September 4, 2012

To Reach Your Goal

The journey of 1000 miles starts with one step

...แม้บางครั้ง การสร้างบารมีนั้นจะต้องใช้ความพยายามเพียงใด...
(Thana Chumphathong)

Monday, September 3, 2012

Luang Phor Dhammajayo: Still Waiting

Still waiting for you

สัญญาใจ

สัญญาใจที่ให้ไว้แดนประเสริฐ

ก่อนจะเกิดว่าจะสู้ไม่ถอยหนี
จะร่วมแรงร่วมใจปราบไพรี
คอยตรงนี้มานานแล้วแก้วกลอยใจ


โอวาท พระเทพญาณมหามุนี
(สมาธิแก้ว)

Dana-Sila-Bhavana

Dana-Sila-Bhavana is the real treasure of humanity.

อยากปล่อยวาง แต่ไม่ให้ทาน เป็นไปไม่ได้
อยากทำใจให้สงบ แต่ไม่ถือศีล เป็นไปไม่ได้
อยากหลุดพ้นทุกข์ แต่ไม่ภาวนา เป็นไปไม่ได้

(ธรรมทาน's status)

Friday, August 24, 2012

Luang Phor Dhammajayo ordained on August 27, 1969

Luang Phor Dhammajayo ordained 
on August 27, 1969

"พระรูปแรกที่ยายบวช"

"ขออยู่เป็นโสด ประพฤติพรหมจรรย์
ไม่ยินดีในเบญจกามคุณไปตลอดชีวิ
ต"
(หลวงพ่อธัมมชโย ตั้งสัจจะก่อนบวช)

คุณยายมหารัตนอุบาสิกาจารย์จันท
ร์ ขนนกยูง อนุโมทนาด้วยความชื่นใจ
กับของขวัญอันล้ำค่าและถูกใจท่า
นนัก

คุณยายได้นั่งเข้าที่อาราธนาพระ
ธรรมกายภายใน พระนืพพานนับอสงไขยพระองค์ไม่ถ้วน และอัญเชิญเทวดาทุกชั้นฟ้า ตลอดจนพรหม อรูปพรหมทั้งหมดในจักรวาล ให้มารับรู้เห็นเป็นพยาน

วันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๑๒ ธัมมชโย ภิกขุ ได้เปล่งวาจา ขอบวชอุทิศชีวิตนี้
แด่พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จะไม่ลาสิกขา ประพฤติพรหมจรรย์ไปตลอดชีวิต เพื่อธำรงไว้ซึ่งพระพุทธศาสนา ให้ยั่งยืนต่อไปตราบสิ้นกัปกัลป


สาธุ สาธุ สาธุ
(คืนที่พระจันทร์หายไป)
 

Dhammachai Day & Luang Phor Dhammajayo's Goal



มโนปณิธานสูงสุดของพระเดชพระคุณพระเทพญาณมหามุนี
(หลวงพ่อธัมมชโย)

" ทวย เทพผู้สถิตย์ ณ ผาดำเอย ข้าผู้ครองผ้ากาสาวพัสตร์ อันเป็นธงชัยแห่งพระอรหันต์ จะขอปักธงรบ อหิงสาปรโมธัมโม ขึ้น ณ ที่นี้ ในดวงใจข้า เหนือขุนเขาอันเป็นศิริ ซึ่งเป็นที่สถิตย์แห่งจอมไท ข้าขอ ประกาศให้ทราบว่า ข้าจะขออุทิศชีวิตนี้ พลีเพื่อพระศาสนา จะบ่มบารมีให้แก่รอบ เพื่อยกตนและสรรพสัตว์ทั้งหลาย ให้พ้นจากกองทุกข์ ตราบใด ที่สรรพสัตว์ทั้งหลาย ยังเข้าสู่พระนิพพานไม่หมด ข้าจะขออยู่เยี่ยงนี้ เพื่อย่ำธรรมเภรี โปรด
สัตว์โลกต่อไป และจะขอเข้าพระนิพพานเป็นคนสุดท้าย"

ธมมฺชโย ภิกขุ


Dear all deities and those dwelling here, Black Cliff I am a Buddhist monk wearing a saffron robe which represents the flag of victory to an arahanthood. I aim with my willing power to set bloodless troops for fighting evils (Mara) here and now.
As long as all living creatures are still suffering from dhukka- birth, aging, sickness and death- and being an evil’s slave. I will remain and dub the dhamma drums in the battle of samsara.
I will complete Nirvana after all being’s completion. Wish all beings have peace and happiness.
Dhammajayo Bhikkhu
(dhammakaya.net)


After Luang Phor Dhammajayo's Ordination



หลังจากบวชแล้ว หลวงพ่อธัมมชโย ได้กล่าวถึงอุดมการณ์ในการออกบวช ไว้ตอนหนึ่งว่า:

“การบวชเป็นพระไม่ใช่ของง่าย หาใช่ครองผ้ากาสาวพัสตร์แล้วจะเป็นพระได้ จะต้องปฏิบัติกิจวัตรของสงฆ์ซึ่งมีศีล ๒๒๗ ข้อ ให้ถูกต้องตามพระธรรมวินัย… การบวชนั้นถ้าจะให้ได้บุญกุศล ควรจะเป็นที่พึ่งของพระศาสนาได้ด้วย ไม่ใช่บวชมาเพื่อพึ่งพระศาสนาอย่างเดียว"



After Luang Phor Dhammajayo's ordination, he gave a speech of his thoughts about the principles of ordaining as a monk: ”Ordaining as a Buddhist monk is
not an easy task, just simply donning a saffron robe is not enough. One must train oneself to take 227 precepts as well as the daily routine of a monk’s life, in accordance with monastic disciplines. If one wishes to attain the full fruition from the merit accrued from ordaining one must be able to be a refuge for Buddhism, not just taking refuge in Buddhism.”
(dmc.tv)


Dhammakaya's Team

Dream Team
เชื้อสายธรรมกาย

นก...เข้าฝูงนก
เนื้อ...เข้าฝูงเนื้อ
ผู้ที่จะเข้าถึงธรรมกาย
ก็อยู่ในหมู่ของธรรมกาย

นี่เป็นเครื่องหมายแสดงว่า
เราเป็นผู้มีบุญ ที่สั่งสมมาอย่างดีแล้ว
จะต้องเข้าถึงพระธรรมกายอย่างแน่นอน
(หลวงพ่อธัมมชโย)

Praise and Blame

Life on purpose..be strong:

Praise and blame, gain and loss, pleasure and sorrow come and go like the wind.


Steve Jobs Part 3 : What caused Steve Jobs to be a successful businessman?

A Case Study about the Law of Karma 


Comments on the information about “Steve Jobs, where is he now?” in different websites

       After the DMC Channel presented information about “Steve Jobs, where is he now?” we find that other websites have made conclusions about this presentation in their own websites based on their personal opinions

        Our presentation has never been meant to intentionally insult or defame anyone.  It is rather for the specific purpose of learning about the Law of Kamma.  We would like to ask that each reader exercises his best judgment regarding this matter.   
  
        “Where is Steve Jobs now?” presents knowledge about the Law of Kamma and the round of rebirth undergone by every living being in such a way as to make it easy to understand.  Here, we learn about the reality of life so that we can gain an understanding about why we are born, where we will go after we die, what is our life’s objective, how must we conduct our life, etc.  The information allows one to become fearful of unwholesome deeds and their destructive consequences, to be more mindful about performing wholesome deeds, and to see the importance of meditation practice in one’s daily life.

         The information presented here is but one view and one has the right to believe or disbelieve it.
The www.dmc.tv Team


 The Hereafter News:  Steve Jobs, Part 3
What caused Steve Jobs to be a successful businessman?

Taken from the Inner Dreams Kindergarten Program


Inner Dreams
I close my eyes and dream away, I wake up and yawn once
before telling you this story.

What caused Steve Jobs to be a successful businessman? 
 
 
   

       You’ve already heard about the previous deeds that caused Mr. Steve Jobs to be so clever and highly innovative that he could produce novel and innovative products that have had a global impact.  Today, I’d like to summarize the main points of this case and elaborate on some of his previous deeds.  These details are highly pertinent to every student’s pursuit of Perfections.  Therefore, learn from them and apply them in your life.    
 
 
  It is like when we want to get the real taste of peanuts we have to bite into them and chew them slowly.  Likewise, in studying Mr. Steve Jobs’ case it is important that you reflect upon the story and learn as much from it as possible. Therefore, it is necessary that I elaborate upon the story at this point. 



   On Saturday, the students have already heard about what previous wholesome deeds caused Mr. Steve Jobs to be so clever and uniquely creative that he could produce novel and innovative products that have had a global impact.  These previous wholesome deeds had been performed across many lifetimes, and the accumulated merit had the chance to yield its fruits in this lifetime.  He did not become suddenly clever and innovative in this lifetime.  Nor was he especially blessed by any being.  When a bird is building its nest, it has to start with one twig and slowly add more and more twigs to it until the nest is completed.  This takes time and effort.  Mr. Steve Jobs’ success in this lifetime is the culmination of all the wholesome deeds that he had performed little by little across many lifetimes.

         But we cannot go into every single lifetime because that will take a few earth ages.  Therefore, I will cite just a few lifetimes in order to give you a better idea about the working mechanism of the Law of Kamma.
 
 
 
  There are altogether seven factors that cause Mr. Steve Jobs to meet with success in this lifetime.

        The first factor:  He had met virtuous friends especially during the existence that he encountered a drought.  In that existence, he had the opportunity to listen to and converse about the Dhamma with a senior monk who had achieved meditative attainments.  That was the beginning of what caused Mr. Steve Jobs to be clever and uniquely innovative in this lifetime. 

   The second factor:  He had accumulated Wisdom Perfection by employing his talents and abilities in a wholesome manner by practicing altruism and supporting Buddhism across many lifetimes.  In one particular lifetime, he was a merchant of dinnerware and kitchenware, and had employed his talents and abilities to invite the town people to accumulate merit alongside him by giving away his dinnerware.  He was filled with great pleasure and joy when he saw the people turn up to make merit at the temple.

      The third factor: In the same lifetime, he had accumulated merit by practicing meditation until he could experience a light outside his body.  He studied meditation practice with the senior monk who had achieved meditative attainments.  
 
        The fourth factor:  In the same lifetime, he had accumulated merit by offering alms to the senior monk who had achieved meditative attainments as well as all the righteous monks in the temple.  Righteous monks are the world’s most abundant merit-field.  He began by offering alms to the monks for seven consecutive days, then every day for three consecutive months.  And finally, he had offered alms to the monks all year long every year for the rest of his life. 

       The fifth factor:  In the same lifetime, he had performed the duty of a virtuous friend by inviting the masses to accumulate merit alongside him with a heart filled with great joy. 
 
        The sixth factor:  Each time after he made merit, he also made a resolute wish.  He had made the same resolute wish repeatedly in that as well as many subsequent lifetimes.  He asked that he be clever and creative and that everything he designs and produces is sought after by the people all over the world.  It is important that one makes a resolute wish each time one makes merit.  To reach its destination, a boat needs a rudder.  Likewise, one’s resolute wish acts like life’s rudder; it helps one to realize one’s aspiration.  
 
 
 
       The seventh factor:  Mr. Steve Jobs loved his work.  He was hard-working, resolute, and persistent.  He was observant and applied his analytical skill to solve every work-related problem.  These outstanding characteristics have been accumulated by Mr. Steve Jobs across many lifetimes.


      These seven factors are behind Mr. Steve Jobs’ success in this lifetime.  He was not granted success by anyone but his success is the result of the wholesomeness accumulated across many lifetimes.  The Lord Buddha teaches “Atta hi atta nonatho”:  We are our own refuge. 
 
Read more please go to